เพื่อนซี้แต่ไม่ซั้ว
เพื่อนคนที่จะกล่าวถึงคนนี้ ถ้าไม่กล่าวถึงเขาชีวิตผมคงไม่สมบูรณ์แบบ เพราะอย่างน้อยๆในชีวิตคนคนหนึ่งต้องมีเพื่อนสักคน บุรุษผู้นี้ชื่อ ทรงวิทย์ เลิศวไลพงศ์ ชื่อเล่น โหงว (ภาษาจีน แปลว่า ห้า) บ้านอยู่ท่าพระ ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อนี้และได้คุยกันก็มีอะไรที่คล้ายกัน คนจีนแต้จิ๋วเหมือนกัน พูดจีนได้เหมือนกัน ชื่อนามสกุลก็คล้องจองกัน นามสกุลของผม สิริพงศ์เลิศ ของเขา เลิศวไลพงศ์ ชื่อเล่นของเขา (โหงวแปลว่าห้า)ชื่อเล่นของผม (ลักษณ์ แปลว่า หก) ผมเจอเขาครั้งแรกที่มูลนิธิส่งเสริมและพัฒนาคนพิการ(ตอนนั้นอยู่ในศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูทางการแหทย์(กระทรวงสาธารณสุข))เรียนคอมพิวเตอร์ด้วยกัน เราอยู่ในรุ่นที่ ๗ โหงวเขาขาลีบ ทั้งสองข้าง(โปลิโอ) แต่เขาไม่ได้นั่งรถเข็น เขาใช้ไม้เท้าสองข้างทำให้ร่างกายช่วงบนแข็งแรงมาก เขาพิการตั้งแต่กำเนิด เขาไปอยู่ประจำที่นั่น โดยทางมูลนิธิฯได้เช่าบ้านไว้ ๒ หลัง ผู้หญิงอยู่ ๑ หลัง ผู้ชาย ๑ หลัง (อยู่หลังกระทรวงสาธารณสุข) หุงข้าว ซักผ้า กันเอาเอง ดูแลกันเอง อยู่ที่นั่นบางครั้งเราก็รวมเงินกันซื้อกับข้าว บางครั้งก็กินใครกินมัน สุขทุกข์ด้วยกัน ๖ เดือน โชคดีที่ตอนนั้นไม่ค่อยมีเพื่อนที่กินเหล้า จะมีสองคนเอง คนนึงนั่งรถเข็นอยู่ชั้นล่าง คนนึงอยู่ชั้นล่าง ผมอยู่ชั้นสอง โหงวอยู่ชั้นสาม สูบบุหรี่ก็มีสองคนที่กินเหล้านั่นแหละ ก็เลยไม่มีการนั่งล้อมวงกินเหล้ามีแต่ล้อมวงกินข้าว โหงวเขาเรียนเก่งหัวดีพอเรียนจบ เขาได้งานทำ มีโหงวคนเดียวและคนแรกที่เขียนบล็อกแนะนำเกี่ยวกับ มูลนิธิส่งเสริมและพัฒนาคนพิการ เขาบอกว่าลองถามรุ่นพี่แล้วมีคนบอกว่าจะเขียนแต่พอมาหาดูไม่เห็นมีเขาเลยทำบล็อกแนะนำแต่ช่วงหลังผมหาบล็อกเขาไม่เจอละ ส่วนผมไปเรียนต่อที่โรงเรียนอาชีวพระมหาไถ่่่่่่่่ พัทยา เพราะสอบได้ ตอนนั้นเลยห่างกันไปไม่ค่อยได้ติดต่อแล้วทางที่มหาไถ่ กฏระเบียบเคร่งมากมีโทรศัพท์ใช้บัตรเครื่องเดียวในโรงเรียน วีรกรรมตอนอยู่หอพักของโหงวก็มีหลายอย่างเหมือนกันแต่ที่ชัดเจนและยังจำมาตลอดคือ เขาพักอยู่ชั้นสามโรยตัวลงมาชั้นสองโดยมีเส้นเชือกฟางผูกติดที่ระเบียง เพื่อนๆคนอื่่นที่เห็นตอนนั้นก็บอก มึงจะบ้าหรอวะอันตรายนะโว้ย แต่บางครั้งเขาก็ทำอีก เพราะมั่นใจในตัวเอง มีคำพูดอยู่คำนึงว่าโตมาจนอายุ ๒๐ กว่า กูเพิ่งเคยดูหนังในโรงหนังครั้งแรกที่นี่ (เดอะมอลล์งามวงศ์วาน) ตอนผมอยู่มหาไถ่ฯก็เห็นเขามาที่โรงเรียนแว้บๆแต่ไม่ได้คุยกัน จนกระทั่งผมจบออกมาจากที่นั่น ๒ ปีครึ่ง ก็ไม่มีงานทำ วันหนึ่งก็ได้รับโทรศัพท์จากโหงว ก็รู้ว่าเขาช่วยเพื่อนๆรุ่นเดียวกันที่ไม่มีงานทำ เขาชวนมาทำที่เดียวกันหลายคนเลย จนเขาเบื่องานและลาออกมาเย็บกระเป๋าหนังขาย แต่ไม่รู้ไปๆมาๆเขาก็ไม่ทำแล้ว ตอนนี้เขามีมอเตอร์ไซต์สามล้อไว้ขับไปไหนมาไหนด้วยตัวเองแล้ว บางครั้งก็ขับมาหาผมที่บ้านสี่พระยา (บางรัก)ขับจากบ้านเขา (ท่าพระ) มาพาไปนั่งเที่ยวเล่น คุยเล่น นี่แหละเพื่อนสนิทคนเดียวของผม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ใครนินทราอะ
ตอบลบไม่ได้นินทา เล่าให้ฟัง
ลบ